กายวิภาคของเกลือหิมาลายัน
เกลือสีชมพูของเทือกเขาหิมาลัยเป็นผลมาจากน้ำในสมัยโบราณที่ระเหยอย่างช้า ๆ ทำให้เหลือเพียงเกลือที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุซึ่งในที่สุดก็ถูกนำไปผสมกับวัสดุอื่น ๆ ที่เหลือจากก้นทะเล เช่นดินเหนียวและหิน ภายใต้แรงกดดันของเปลือกโลกมหาศาลวัสดุเหล่านี้ถูกหลอมรวมเข้าด้วยกันเมื่อเทือกเขาหิมาลัยก่อตัวขึ้นโดยห่อหุ้มทับถมเกลือพร้อมกับดินหินและสารอินทรีย์อื่น ๆ ที่อยู่ลึกเข้าไปในภูเขา
ในระหว่างกระบวนการขุด เกลือดิบจะถูกขุดแยกออกมาเป็นก้อนหินขนาดใหญ่และเป็นบล็อก เกลือดิบนี้ก็จะรวมไปด้วยส่วนประกอบอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ (ก้อนหิน, ก้อนกรวด, ดินเหนียว) จะมีการย่อยหินเกลือให้แตกออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อการขนส่งออกนอกเหมือง ซึ่งทำให้เกลือมีสิ่งปนเปื้อนเพิ่มเติม เช่น พวกเส้นใย, ก้อนหิน, สิ่งสกปรกและฝุ่น ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องใช้กระบวนการอย่างระมัดระวังหลายระดับเพื่อกำจัดวัสดุที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเหล่านี้ให้หมดก่อนบรรจุภัณฑ์เพื่อการจำหน่ายสำหรับการบริโภค
หิน, ดิน และเกลือมีหลายสีและหลอมรวมกันแบบสุ่ม คุณจะได้เห็นจากภาพที่เราแยกแยะให้เห็นว่ามีส่วนที่เป็นหิน ส่วนที่เป็นดินเหนียวสีชมพู และส่วนที่เป็นเกลือสีชมพูที่มันดูคล้ายกันด้วยดวงตาของมนุษย์ ด้วยเหตุนี้จึงต้องมีการแปรรูปอย่างละเอียดรอบคอบเพื่อให้ได้เกลือที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด แม้ว่าองค์ประกอบเหล่านี้จะมีสีใกล้เคียงกัน แต่เทคโนโลยี Optically Clean ของเราจะใช้สเปกตรัมสีทั้งหมดเพื่อระบุแยกและคัดแยกว่าอะไรคือเกลือที่แท้จริงจากสิ่งที่ไม่ใช่ ซึ่งแตกต่างจากอุปกรณ์คัดแยกสีแบบดั้งเดิมที่ใช้กันทั่วไปในอุตสาหกรรมที่มีอยู่ในโลกซึ่งได้เพียงแค่แง่ ขาวดำเท่านั้น กระบวนการของเรายังช่วยให้มั่นใจได้ว่าหินที่มีสีเข้มกว่าและดินสีต่างๆจะแยกออกจากเกลือได้เช่นกันโดยทิ้งเกลือสีชมพูที่มีรสชาติดีที่สุดไว้เบื้องหลัง
เกลือหิมาลายันอาร์ไอมาจากไหน ??
เกลือสีชมพูของเทือกเขาหิมาลัยถูกขุดขึ้นโดยเฉพาะในปากีสถาน เหมืองที่อาร์ไอจัดหาเกลือได้ใช้เวลากว่าทศวรรษในการสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับผู้ผลิตที่มีชื่อเสียงซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียน ซึ่งทำให้ทางแบรนด์สามารถควบคุมเกลือดิบจากเหมืองไปยังโรงงานผลิตได้อย่างสมบูรณ์
พลังของเกลือที่จะถูกถ่ายทอด
จากมุมมองทางด้านวิทยาศาสตร์เกลือมีคุณสมบัติที่มีความเป็นพิเศษอย่างมาก ซึ่งเมื่อ เทียบกับผลึกโครงสร้างอื่น ๆ แล้ว โครงสร้างทางอะตอมของเกลือนั้นไม่เป็นโมเลกุล แต่มี คุณสมบัติทางไฟฟ้า ซึ่งข้อเท็จจริงนี้ที่ทำให้เกลือมีคุณสมบัติที่เปลี่ยนรูปได้
เมื่อเราจุ่มผลึกเกลือในน้ำ มันไม่มีการเปลี่ยนทางโมเลกุล ถึงแม้จะมีโครงสร้างที่เป็นผลึก แต่ผลึกดังกล่าวสามารถให้พลังงานออกมา ซึ่งเป็นในรูปแบบของคลื่นความถี่ที่ออกมารอบ ๆ น้ำ ผลึกนั้นถูกตรึงอย่างมากเกินกว่าที่จะละลายหรือแยกตัวออกจากความสภาพความเป็นไฟฟ้าของตัวผลึกเอง
เมื่อเราจุ่มเอาผลึกเกลือลงในน้ำ มันเกิดการละลาย และเกิดเป็น โซเล โซเล ไม่ได้เป็น
ทั้งน้ำและเกลือ มันเป็นสิ่งผสมที่ให้พลังงานได้มากกว่าน้ำหรือเกลือโดยตัวเอง เมื่อโซเล เกิด
การระเหย จะได้เกลือหลงเหลืออยู่ การที่มีการเปลี่ยนรูปได้ของเกลือทำให้มั่นใจได้ว่าไม่
จำเป็นที่จะต้องเกิดการเมตาโบลิซึมในร่างกายของคนเรา แป้งเปลี่ยนรูปไปเป็นน้ำตาล
โปรตีนเปลี่ยนเป็นกรดอะมิโนและ ไขมันเปลี่ยนเป็นกลีเซอรีนและกรด แต่เกลือยังอยู่ใน
ลักษณะของเกลือ ซึ่งให้ประโยชน์โดยตรงต่อเซลล์ในรูปอิออนที่อยู่ในรูปของโซเล อาหาร
ทั้งหลายจะต้องถูกแยกองค์ประกอบเพื่อให้ร่างกายได้ใช้ประโยชน์ แต่เกลือจะคงลักษณะใน
สภาพเดิมเสมอ ซึ่งมันสามารถเข้าไปสู่สมองคนเราได้โดยตรง
เกลือกับกิจกรรมของสมอง
แม้แต่ขบวนการที่ง่ายที่สุดในร่างกายมนุษย์ยังจำเป็นต้องใช้เกลือหรือองค์ประกอบที่มีอยู่ภายในเกลือในรูปของอิออน ยกตัวอย่างเช่น ในงานหลักของระบบประสาทในการที่จะถ่ายทอดหรือส่งผ่านการกระตุ้นที่มีการบันทึกไว้โดยผ่านไปยังประสาทที่ส่งเข้าสู่สมองของคนเรา ซึ่งจะเป็นตัวส่งผ่านข้อมูลกลับไปสู่กล้ามเนื้อเพื่อให้เรามีปฏิกิริยาตอบสนองตามสิ่งเร้านั้น พลังงานไฟฟ้าสถิตเกิดขึ้นในผนังเนื้อเยื่อของเซลล์เมื่อประจุบวกของอิออนโปแตสเซียม ออกจากเซลล์และประจุบวกของอิออนโซเดียมไม่สามารถเข้าไปได้เพราะขนาดของมันใหญ่เกินไป ทำให้ด้านนอกมีสภาพเป็นบวกและด้านในมีสภาพเป็นลบ เมื่อเซลล์เส้นประสาทถูกกระตุ้น ทำให้เนื้อเยื่อเกิดมีขั้วที่ตรงกันข้ามและทำให้โซเดียมอิออนสามารถซึมเข้าไปได้ในที่สุด หนึ่งในพันของวินาทีที่จะมีพลังงานไฟฟ้าสถิตย์ที่ถูกเปลี่ยนและปลดปล่อยออกมา ในทุก ๆ ความรู้สึกที่ถูกกระตุ้น จะใช้พลังงาน 90 มิลลิโวลต์ ส่วนที่ได้รับการกระตุ้นทำให้เกิดการเปลี่ยนเป็นความคิดและการกระทำ ถ้าปราศจากองค์ประกอบของโปแตสเซียมและโซเดียมในเกลือแล้วกระบวนการนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ไม่ได้แม้แต่เพียงความคิดเดียว ไม่ต้องคิดถึงการกระทำ ถ้าไม่มีองค์ประกอบเหล่านั้น เพียงแค่การกระทำง่าย ๆ เช่นการดื่มน้ำหนึ่งแก้วยังต้องการคำสั่งการเป็นล้านที่มาในรูปของสิ่งกระตุ้น ในตอนเริ่มต้นมันเป็นความคิด ความคิดนี้ไม่มีอะไรนอกไปจากเป็นเพียงความถี่แม่เหล็กไฟฟ้า เกลือมีหน้าที่ในการทำให้ความถี่นั้นเปลี่ยนไปเป็นคำสั่งต่อกล้ามเนื้อและอวัยวะต่าง ๆ
เกลือกลายเป็นโซเดียมคลอไรด์ (NaCl) ได้อย่างไร ??
ด้วยการพัฒนาของอุตสาหกรรม เกลือในธรรมชาติ จึงผ่านการทำความสะอาดด้วยสารเคมี (chemically cleaned) และทำให้ลดชนิดองค์ประกอบเหลือเป็นส่วนของโซเดียมและคลอไรด์ แร่ธาตุที่สำคัญและองค์ประกอบอื่น ๆ ก็ถูกล้างออกไปในลักษณะสิ่งปนเปื้อน
อย่างไรก็ตาม โซเดียมคลอไรด์เป็น สิ่งที่ไม่เป็นธรรมชาติ โดดเดี่ยว เป็นสสารแสลง (ไม่ดี) โดยที่ไม่มีอะไรที่เป็นประโยชน์เมื่ออยู่ในสถานะปกติในรูปเกลือ ไม่ต่างอะไรกับน้ำตาลขาวที่ถูกขัดสี เกลือ เมื่อใดที่ถูกเรียกเหมือน ทองขาว (white gold) เมื่อนั้นก็เป็นการเปลี่ยนไปสู่ความขาวที่เป็นพิษ
อย่างไรก็ตาม มันก็มีเหตุผลที่สำคัญเหนือกว่าในการที่เป็นคุณสมบัติขององค์ประกอบที่พบในร่างกายมนุษย์ในธรรมชาติ โซเดียมคลอไรด์เป็นสสารที่มีคุณสมบัติเข้มข้นรุนแรง โดยปฏิกิริยาทางชีวเคมี จะมีการหาองค์ประกอบร่วมที่เข้ากันเพื่อที่จะสร้างผลให้ตัวมันได้ องค์ประกอบตัวที่เข้ากันได้ในธรรมชาติ เช่น โปแตสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียม และ แร่ธาตุอื่น ๆ และองค์ประกอบเล็ก ๆ น้อย ๆ ส่งผลให้เกิด หลักทางกายภาพ ชีวภาพ การมีความถี่ที่เป็นรูปแบบจำเพาะ รูปแบบเหล่านั้นทำให้เกิดโครงสร้างทางกายภาพในร่างกายเรา เมื่อไรก็ตามที่โครงสร้างเหล่านี้ขาดหายไป เราก็ไม่มีพลังงานและขาดชีวิตชีวา เกลือจึงไม่ควรถูกใช้เป็นเพียงเพื่อการเพิ่มรสชาดในอาหารเท่านั้น แต่จะต้องใช้เพื่อการกระตุ้นทำให้เกิดแบบแผน (vibration pattern) ที่มีความคล้ายคลึงกับร่างกายคนเรา
เกลือเป็นสิ่งธรรมดาที่มีอยู่ในครัวของเรา แต่มีโรคมากมายที่เกี่ยวข้องกับเกลือที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ชีวิตคนเราไม่สามารถอยู่ได้ถ้าไม่มีเกลือ แต่การบริโภคเกลือของคนเรานั้นฆ่าพวกเรา ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? เพราะว่าเกลือบริโภคที่เรากินกันอยู่ทุกวันนี้นั้นไม่มีคุณสมบัติทั่วไปที่มีอยู่ในผลึกเกลือธรรมชาติเหมือนที่เราพูดถึงกันอยู่นี้ เกลือในทุกวันนี้โดยหลักจะเป็นโซเดียมคลอไรด์และไม่ใช่เกลือ เกลือในธรรมชาติไม่ได้ประกอบเพียงแค่สองส่วน แต่ประกอบด้วยธาตุในธรรมชาติทั้งหลาย ซึ่งเปรียบได้กับธาตุทั้งหลายที่มีอยู่ในร่างกายทั้งที่ร่างกายสร้างขึ้นมาและที่พบโดยธรรมชาติ ในมหาสมุทรยุคแรกเริ่ม จากจุดเริ่มต้นของชีวิตทั้งหลาย น่าสนใจเพียงพอ เลือดของเรานั้นเป็นโซเล ประกอบด้วยสารละลายเกลือประเภทเดียวกันกับที่มีในทะเลในยุคแรกเริ่ม นั่นคือ สารละลายประกอบด้วยน้ำและเกลือ โดยที่มีอัตราส่วนความเข้มข้นที่เหมือนกับที่มีอยู่ในวันที่สิ่งมีชีวิตออกจากทะเลในยุคเก่าก่อน โซเลนี้จะไหลไปด้วยระยะทางมากกว่า 56,000 ไมล์ ของระยะทางของน้ำและเลือดในเส้นเลือดทั่วอวัยวะทุกส่วนด้วยแรงอย่างเอาจริงเอาจังและไม่จริงจังและการหมุนเวียนและสร้างความสมดุลให้ร่างกายของเรา
โซเล ( Sole ) คือน้ำเกลือเข้มข้นที่อิ่มตัว จะมีความเข้มข้นที่ 26 เปอร์เซนต์
กล่าวคือ เกลือ 26 ส่วน และน้ำ 74 ส่วน เนื่องด้วย Himalayan Crystal Salt เปี่ยมไป
ด้วยแร่ธาตุถึง 84 ชนิด ที่ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ต่อร่างกายและเป็นแร่ธาตุธรรมชาติ
เมื่อดื่มน้ำโซเลร่างกายจะได้พลังงานจากแร่ธาตุที่ร่างกายพึงมี สร้างความสมดุล และ
เป็นการล้างพิษในร่างกาย
การทำโซเล ( Sole ) น้ำเกลือโซเลเพื่อสุขภาพและความงาม
น้ำเกลือโซเลสามารถทำได้ง่ายๆและไม่ยากอย่างที่คิด สามารถช่วยให้
ร่างกายสามารถขับสารพิษ เพิ่มพลังงาน ช่วยในการปรับปรุงระบบย่อยอาหารและ
อื่นๆอีกมากมาย
ส่วนประกอบ 1.โถแก้วปากกว้าง 2.เกลือหิมาลายัน 3.น้ำกรอง
วิธีทำ 1.เติมเกลือหิมาลายันลงในโหลแก้วโดยประมาณ 1/4 ของโหล
2.เติมน้ำกรองลงไปจนเต็มขวดโหลให้เหลือระดับน้ำจนถึงปากโหล
ประมาณ 1 นิ้ว
3.ปิดฝาให้แน่นแล้วเขย่าเกลือให้เข้ากับน้ำหรือคนเกลือให้เข้ากับน้ำก่อน
ปิดฝาโหล
4.ทิ้งไว้ข้ามคืนให้เกลือละลาย ในวันรุ่งขึ้นหากยังมีเกลือหลงอยู่ก้นโหล
แสดงว่าน้ำได้ดูดซึมซับเกลือไว้เต็มที่แล้วและน้ำโซเลนั้นพร้อมใช้แล้ว แต่หาก
ไม่มีเกลือเหลือที่ก้นโหลเลยให้ใส่เกลือเติมเข้าไปอีกแล้วทำตามขั้นตอนเดิมซ้ำอีกรอบ
จนกว่าจะมีเกลือเหลืออยู่ที่ก้นโหลบ้างเล็กน้อย ซึ่งนั่นหมายถึงว่าน้ำนั้นอิ่มตัวไป
ด้วยเกลือและพร้อมใช้งานแล้ว
วิธีใช้ ผสมน้ำเกลือโซเล 1 ช้อนชา ในน้ำดื่ม 1 แก้ว แล้วดื่มทุกเช้าขณะ
ท้องว่าง( ก่อนรับประทานอาหารเช้า )
แร่ธาตุ 84 ชนิด ในผลึกเกลือหิมาลายัน
หน้าที่เข้าชม | 481,835 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 241,967 ครั้ง |
เปิดร้าน | 14 พ.ย. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 27 ส.ค. 2568 |